ว่ า ด้ ว ย ค น

...เนื้อหาที่เกิดในหัวขัอนี้ พูดได้เต็มปากว่าเป็นแค่การระบายความคิด ความรู้สึก"โดยส่วนตัว"ออกมาเท่านั้น... เริ่มด้วยการที่ต้องยอมรับว่า เราก็มีความทะนงในความคิดบางประการของตัวเองอยู่ไม่น้อย มีแนวทางปฎิบัติอยู่ในใจบางอย่างเพื่อใช้ทดสอบความนึกคิดของบุคคลอื่นๆ การกระทำหลายอย่างอาจไม่เป็นที่พอใจของใครต่อใคร แต่มันทำให้เรารับรู้ได้ถึงจิตใจของคนอื่นๆที่มีต่อเราจริงๆได้ ถึงแม้จะพูดได้ว่าเราก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่มีเหตุมีผลในการตัดสินใจอะไรหลายๆอย่าง แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังเป็นเพียงคนธรรมดาที่อารมณ์ความรู้สึกเข้ามามีผลต่อพฤติกรรมและการกระทำในหลายๆครั้ง เราเป็นคนเปิดกว้างในทางความคิด โดยบุคลิกเป็นคนที่เงียบและชอบรับฟังคนอื่นมากกว่าที่จะโต้แย้งอะไรออกไป แต่ก็มีไม่กี่เรื่องที่ทำให้ระดับการควบคุมอารมณ์ของเราลดต่ำลง โดยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่ค่อนข้าง "นามธรรม" เป็นเรื่องระดับความห่างของสิ่งต่างๆในโลกของความจริงจากโลกในอุดมคติ เรามิอาจพูดได้ว่าเราเป็น "คนที่ดี" ทำ "ดี" ทุกการกระทำ เพราะนิยามเรื่อง "ความดี" ถึงแม้เราเชื่อว่ามันมีสิ่งพื้นฐานให้ยึดเป็นมาตราฐานอยู่บ้าง แต่มันก็ยังแตกต่างไปในแต่ละคนที่มอง หัวข้อหนึ่งที่อยากพูดถึงคือ "ระดับความเห็นแก่ตัว" เราคงปฎิเสธไม่ได้ว่าเราก็เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น มันเป็นสัญชาตญาณการเอาตัวรอดพื้นฐานของคนเรา แต่ละคนก็มีระดับทึ่แสดงออกแตกต่างกันไปตามแต่ประสบการณ์ที่สั่งสมกันมา "ความเห็นแก่ตัว" "การเอาเปรียบ" "ความทะเยอทะยานอยาก" "ความอดทนและความพยายามตะเกียกตะกายให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ" "การแก่งแย่งและความสู้คน" คำต่างๆเหล่านี้บ้างทีก็ยากนักที่จะตัดสินใจว่าเราควรมี ควรทำมันมากน้อยแค่ไหน กับใคร เมื่อใด อาจจะไม่จริงไปเสียทั้งหมด แต่ในมุมมองของเราคนที่มีต้นทุนที่สูงกว่า เป็นเจ้าของทรัพยากรที่มากกว่า มั่งคั่งกว่า รวยกว่าในสังคม มักจะมีระดับความเห็นแก่ตัวที่สูงกว่า ผ่านการเอาเปรียบคนอื่นๆมามากกว่าเพื่อดึงทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดเข้าตัวให้มากที่สุด บางคนอาจบอกว่าคนเหล่านี้ฉลาดกว่า เก่งกว่า ถึงทำอย่างนี้ได้ ก็อาจจะจริง แต่เป็นไปได้ที่เรากำลังปนความคิดเรื่องความสามารถและจริยธรรมอยู่ คนรวยที่ใจกว้างก็มี แต่คงเป็นโชคชะตาหรืออะไรบ้างอย่างที่ทำให้เราเจอแต่คนรวยที่ค่อนข้างใจแคบ ทำให้มุมมองของเราที่มีต่อคนมีฐานะ (อาจเพราะเรามิได้มีเหมือน...อิจฉา?)… Continue reading ว่ า ด้ ว ย ค น